วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

โรคที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของมนุษย์


         โรคที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของมนุษย์

โรคไต
       หมายถึง โรคอะไรก็ได้ที่มีความผิดปกติหรือที่เรียกว่า พยาธิสภาพ เกิดที่บริเวณไต ที่พบมาก ได้แก่
     -โรคไตวายฉับพลันจากเหตุต่างๆ
     -โรคไตวายเรื้อรังเกิดตามหลังโรคเบาหวาน โรคไตอักเสบ หรือโรคความดันโลหิตสูง
     -โรคไตอักเสบเนโฟรติก
     -โรคไตอักเสบจากภาวะภูมิคุ้มกันสับสน (โรค เอส.แอล.อี.)
     -โรคติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
     -โรคถุงน้ำที่ไต (Polycystic Kidney Disease)


อาการ
         - ปัสสาวะเป็นเลือด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโรคไต แต่ก็อาจจะไม่ใช่ก็ได้ โดยจะปัสสาวะเป็นเลือด อาจเป็นเลือดสดๆ เลือดเป็นลิ่มๆ
         - ปัสสาวะเป็นสีแดง สีน้ำล้างเนื้อ สีชาแก่ๆ หรือปัสสาวะเป็นสีเหลืองเข้ม ก็ได้
         - ปัสสาวะเป็นฟองมาก เพราะมี albumin หรือโปรตีนออกมามาก จะทำให้ปัสสาวะมีฟองขาวๆ เหมือนฟองสบู่
         - ปัสสาวะขุ่น อาจเกิดจากมี เม็ดเลือดแดง (ปัสสาวะเป็นเลือด) เม็ดเลือดขาว (มีการอักเสบ) มีเชื้อแบคทีเรีย (แสดงว่ามีการติดเชื้อ) หรืออาจเกิดจากสิ่งที่ร่างกายขับออกจากไต แต่ละลายได้ไม่ดี เช่น พวกผลึกคริสตัลต่างๆ
         - การผิดปกติของการถ่ายปัสสาวะ เช่นการถ่ายปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะแสบ ปัสสาวะราด เบ่งปัสสาวะ
         - การปวดท้องอย่างรุนแรง  ร่วมกับการมีปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะขุ่น หรือมีกรวดทราย
         - ก้อนบริเวณไต หรือบริเวณบั้นเอวทั้ง 2 ข้าง อาจเป็นโรคไต เป็นถุงน้ำการอุดตันของไต หรือเนื้องอกของไต
         - การปวดหลัง ในกรณีที่เป็นกรวยไตอักเสบ จะมีอาการไข้หนาวสั่น และปวดหลังบริเวณไต คือ บริเวณสันหลังใต้ซี่โครงซีกสุดท้าย         - การบวม โดยเฉพาะการบวมที่บริเวณ หนังตาในตอนเช้า หรือหน้าบวม ซึ่งถ้าเป็นมาก จะมีอาการบวมทั่วตัว
         - ความดันโลหิตสูง เป็นจากโรคไตโดยตรง หรือในระยะไตวายมากๆ ความดันโลหิตก็จะสูง ได้         - ซีดหรือโลหิตจาง เนื่องจากปกติ ไตจะสร้างสารอีริโธรโปอีติน  เพื่อไปกระตุ้นให้ไขกระดูก สร้างเม็ดเลือดแดง เมื่อเกิดไตวายเรื้อรัง ไตจะไม่สามารถสร้างสารอีริโธรโปอีติน  ไปกระตุ้นไขกระดูก ทำให้ซีด หรือโลหิตจาง

สาเหตุ
เป็นมาแต่กำเนิด  เช่นมีไตข้างเดียว หรือไตมีขนาดไม่เท่ากัน โรคไตเป็นถุงน้ำ  ซึ่งเป็น กรรมพันธุ์ด้วย เป็นต้น
เกิดจากการอักเสบ  เช่นโรคของกลุ่มเลือดฝอยของไตอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อ  เกิดจากเชื้อแบคทีเรียเป็นส่วนใหญ่ เช่นกรวยไตอักเสบ ไตเป็นหนอง กระเพาะปัสสาวะอักเสบ (จากเชื้อ โรค) เป็นต้น
เกิดจากการอุดตัน  เช่นจากนิ่ว ต่อมลูกหมากโต มะเร็งมดลูกไปกดท่อไต เป็นต้น
เนื้องอกของไต ซึ่งมีได้หลายชนิด

คำแนะนำ
กินอาหารโปรตีนต่ำ หรืออาหารโปรตีนต่ำมาก ร่วมกับกรดอะมิโนจำเป็น
กินอาหารที่มีโคเลสเตอรอลต่ำ  ควรควบคุมปริมาณโคเลสเตอรอล ในอาหารแต่ละวันไม่ให้เกิน 300 มิลลิกรัม / วัน
งดกินอาหารที่มีฟอสเฟตสูง ฟอสเฟตมักพบในอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ ไข่แดง นม และเมล็ดพืชต่างๆ
ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังที่ไม่มีอาการบวม การกินเกลือในปริมาณไม่มากนัก

 วิธีการรักษาโรคไต แบ่งเป็น 4 วิธีหลักๆ คือ
การตรวจค้นหา และการวินิจฉัย โรคไตที่เหมาะสม
การรักษาที่สาเหตุของโรคไต
การรักษาเพื่อชะลอ ความเสื่อมของไต
การรักษาทดแทน การทำงานของไต (การล้างไต และการผ่าตัดปลูกถ่ายไต)
 *  การล้างไต (Dialysis) มี 2 วิธี คือ การฟอกเลือด ด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis) และการล้างไตทางช่องท้อง (Peritonel Dialysis:CAPD)

การป้องกัน
การป้องกันมิให้เกิดโรคไตนั้นจะต้องมีการควบคุมความดันโลหิตสูงให้อยู่ในระดับปกติ ด้วยการควบคุมน้ำหนักตัว ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หรืออาจใช้ยาร่วมในการควบคุม และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ในผู้ป่วยเบาหวานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม สม่ำเสมอ


วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

มาออกกำลังกายกันเถอะ


มาออกกำลังกายกันเถอะ


การออกกำลังกายอาจดูเป็นเรื่องน่าเบื่อและยุ่งยาก แต่ที่จริงช่วงเวลาเล็กๆน้อยๆ แค่ 20-30 นาที ก็ช่วยให้ร่างกายดีขึ้นได้แบบง่ายๆเป็นของขวัญวันต้นปีที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณเองโดยแบ่งเวลามาออกกำลังกายเบาๆ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น



การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  ทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง รูปร่างสวยได้สัดส่วน น้ำหนักก็จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน นอกจากนี้ยังทำให้สุขภาพจิตดี มีอารมณ์ดีไม่หงุดหงิดง่ายและสามารถประกอบกิจกรรมประจำวันได้เป็นอย่างดี สามารถป้องกันหรือควบคุมโรคภัยหรือโรคร้ายต่าง ๆ ได้
แต่ก่อนที่เราจะออกกำลังกายนั้น เราก็ควรจะปรับสภาพร่างกายหรือการวอร์มร่างกายเสียก่อน เนื่องจากร่างกายต้องมีการปรับตัว เพื่อให้ร่างกายรู้สึกว่าได้เริ่มทำงานแล้ว การออกกำลังกายควรใช้เวลาอยู่กับมันอย่างน้อย 20 -30 นาที และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 วัน หากทำเช่นนี้ได้เป็นประจำ ร่างกายเราก็จะแข็งแรงอยู่ตลอดเวลา แต่การออกกำลังกายที่ดีนั้นไม่ควรหักโหมมากจนเกินไป ควรจะประมาณสภาพร่างกายของตนก่อนที่จะออกกำลังกาย ว่าร่างกายของตนพร้อมและสามารถออกกำลังกายได้มากเพียงไร หากมิทำเช่นนั้นก่อนแล้ว จะเป็นการฝืนร่ายกายตนเอง ผลที่ตามมานอกจากร่างกายจะไม่แข็งแรงแล้วยังอาจจะทำให้ร่ายกายทรุดโทรมได้ด้วย ฉะนั้นจึงควรตรวจสภาพร่างกายก่อนที่จะมาออกกำลังกาย ไม่เช่นนั้น กายออกกำลังกายอาจจะให้โทษแก่เราได้เหมือนกัน

วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ภูมิปัญญาไทยกับการเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรคในชุมชน



ภูมิปัญญาไทย
ภูมิปัญญาไทย หมายถึง ความรู้ ความสามารถ ทักษะและเทคนิคการตัดสินใจ ผลิตผลงานของบุคคล อันเกิดจากการสะสมองค์-ความรู้ทุกด้านที่ผ่านกระบวนการสืบทอด พัฒนาปรับปรุง และเลือกสรรมาแล้วเป็นอย่างดีสามารถแก้ไขปัญหา และ
พัฒนาวิถีชีวิตของคนไทยได้อย่างเหมาะสมกับยุคสมัย


ตัวอย่างภูมิปัญญาไทย '

วิ่งกระสอบ
*ด้านศิลปวัตถุและศิลปกรรม ได้แก่ จิตรกรรมฝาผนังตามวัดต่างๆ การทำเครื่องปั้นดินเผาไปแกะสลัก หนังตะลุง เป็นต้น
th.88dbmedia2.jobsdb.com/
เครื่องปั้นดินเผา
*ด้านการแต่งกาย ได้แก่ การทอผ้าไหม ทอผ้าฝ้าย ซึ่งในแต่ละท้องถิ่นจะมีลักษณะและความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละท้องถิ่น



ภูมิปัญญาไทยกับการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
          ทุกชุมชนมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ทั้งประเพณี วัฒนธรรม และวิถีการดำเนินชีวิตซึ่งเอกลักษณ์ดังกล่าวได้ดำเนินขึ้นและสืบทอดโดยคนรุ่นก่อนในชุมชน มีการสั่งสมภูมิปัญญาด้านต่าง และผ่านการพัฒนาใช้ให้สอดคล้องกับชีวิต สิ่งแวดล้อม และทรัพยากรในชุมชน เช่น การแต่งกาย การรับประมานอาหาร การสร้างบ้านเรือน รวมถึงการดูแลรักษาสุขภาพและการบำบัดโรค วึ่งผ่านการลองผิดลองถูกจนเกิดเป็นปัญญาในการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคของชุมชน ตัวอย่างเช่น การรับประทานผักเพื่อบำรุงร่างกาย การรักษาโรคด้วยสุมนไพร การนาดไทยเพื่อบำบัด บรรเทาการเจ็บป่วย การประคบสมุนไพรรักษาอาการปวดเมื่อย เคล็ดขัดยอก หรือการอยูไฟเพื่อส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพของผู้หญิงหลังคลอดบุตร เป็นต้น
              ภูมิปัญญาไทยจึงมีความสำคัญต่อสุขภาพในเรื่องอขงกานบำบัด บรรเทา รักษาป้องกันโรคและการสร้างเสริมสุขภาพในชุมชน ให้มีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง นอกจากภูมิปัญญาทางการแพทย์ของคนไทยจะช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีแล้วยังช่วยลดปัญหาสาธารณสุขของประเทศชาติได้ โดยช่วยรัฐบาลลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ลดการนำเข้ายารักษาโรค เวชภัณฑ์และเทคโนโลยีทางการแพทย์จากต่างประเทศที่เกินความจำเป็นให้ลดน้อยลง ซึ่งผลดีดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อคนไทยในชุมชนหรือท้องถิ่นต่างๆ รู้จักประยุกต์ใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในชุมชนของตนเองมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการรักษาดูแลสุขภาพ รวมถึงการพึ่งพาภูมมิปัญญาของแพทย์ที่ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ มาใช้ในการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด




การแพทย์แผนไทย
      กระบวนการทางการแพทย์เกี่ยวกับการตรวจ วินิจฉัย บำบัด รักษา หรือป้องกันโรค หรือการส่งเสริมแบะฟื้นฟูสภาพของมนุษย์หรือสัตว์ การผดุงครรภ์และเครื่องมือทางการแพทย์ ทั้งนี้ โดยอาศัยความรู้หรือตำราที่ได้ถ่ายทอดและสืบต่อกันมา(พระราชบัญญัติคุ่มครองและส่งผลภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542)
การแพทย์แผนไทยเป็นภูมิปัญญาไทยเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคในชุมชนที่นักเรียนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับชุมชนของตนเองได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
1.       การนวดแผนไทย
2.       การประคบสมุนไพร
3.       น้ำสมุนไพร
4.       การทำสมาธิ
5.       กายบริหารแบบไทย

วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

สรุปบทที่1 กระบวนการสร้างเสริมและดำรงประสิทธิภาพ การทำงานของระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์และระบบต่อมไร้ท่อ

         อวัยวะทุกส่วนในร่างกายของคนเราทำงานสัมพันธ์กันเป็นระบบ ทุกระบบต่างมีความสำคัญต่างร่างกาย หากระบบใดทำงานผิดปกติก็จะส่งผลกระทบต่อระบบอื่นๆด้วย ระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ และ ระบบต่อมไร้ท่อ ต่างมีความสำคัญต่อร่างกาย โดยระบบประสาทช่วยควบคุมการทำงานและรับความรู้สึกของอวัยวะทุกส่วน ช่วยให้ร่างกายทำงานได้ตามต้องการ ระบบสืบพันธุ์ช่วยในการสืบทอดเผ่าพันธุ์ให้คงอยู่ต่อไป และระบบต่อมไร้ท่อผลิตฮอร์โมนไปตามกระแสเลือดเพื่อทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ
แผนภาพแสดงการจัดลำดับกลุ่มเซลล์ที่ประกอบเป็นระบบร่างกาย

           ร่างกายของมนุษย์ประกอบด้วยเซลล์ มีรูปร่างและขนาดที่แตกต่างกัน เซลล์ กลุ่มเซลล์ที่ร่วมกันทำหน้าที่เฉพาะอย่าง เรียกว่า เนื้อเยื่อ เนื้อเยื่อชนิดเดียวกันหรือต่างชนิดกัน เมื่อร่วมกันทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่ง เรียกว่า อวัยวะอวัยวะหลาย ๆ อวัยวะทำงานประสานกันเกิดเป็น ระบบ ที่สำคัญต่าง ๆ ในร่างกายระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำหน้าที่แตกต่าง แต่ต้องทำงานสอดคล้องสัมพันธ์กับร่างกายจึงจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างปกติ
          1. ความสำคัญ และหลักการของกระบวนการสร้างเสริม และดำรงประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย
   การทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย มนุษย์จะดำรงอยู่ได้ด้วยการทำงานของอวัยวะต่างๆ ระบบทุกระบบในร่างกายต้องทำงานสัมพันธ์กัน หากมีอวัยวะหรือระบบใดทำงานผิดปกติ ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อระบบอื่น ๆ ต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องรักษาสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อดำรงประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายให้อยู่ในภาวะปกติ
   หลักการของกระบวนการสร้างเสริมและดำรงประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย มีแนวทางในการปฏิบัติ ดังนี้
1.  รักษาอนามัยส่วนบุคคล เช่น อาบน้ำให้สะอาดทุกวัน สระผมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลาทุกวัน เป็นต้น
2. บริโภคอาหารให้ถูกต้องและเหมาะสม โดยคำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการและความสะอาดปลอดภัย
3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคจึงควรออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
4. พักผ่อนให้เพียงพอ การพักผ่อนที่ดีที่สุดคือ การนอนหลับควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
5. ทำจิตในให้ร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ เป็นวิธีผ่อนคลายความเครียดและความวิตกกังวลอีกอย่างหนึ่งที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตและสุขภาพกาย
6. หลีกเลี่ยงอบายมุขและสิ่งเสพติดให้โทษ สิ่งต่าง ๆเหล่านี้ล้วนบั่นทอดสุขภาพและนำมาสู่โรคต่าง ๆ 
7.  ตรวจเช็คร่างกาย ชั่งน้ำหนักเป็นประจำ เพื่อควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ควรไปพบแพทย์ เพื่อตรวจเช็คร่างกายอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
          2. ระบบประสาท (NervousSystem)
     คือระบบที่ประกอบด้วยสมอง ไขสันหลัง และเส้นประสาททั่วร่างกายซึ่งจะทำหน้าที่ร่วมกันในการควบคุมการทำงานและการรับความรู้สึกของอวัยวะทุกส่วนรวมถึงความรู้สึกสมองและไขสันหลังจะเป็นศูนย์กลางคอยรับการกระตุ้นจากสิ่งเร้าทั้งภายในและภายนอกร่างกายแล้วส่งกระแสคำสั่งผ่านเส้นประสาทที่กระจายอยู่ตามส่วนต่าง ๆของร่างกายให้ทำงานตามที่ต้องการ

        2.1องค์ประกอบของระบบประสาท ระบบประสาทของคนเราแบ่งออกเป็น 2ส่วนใหญ่ ๆ คือ ระบบประสาทส่วนกลาง และระบบประสาทส่วนปลาย

      1. ระบบประสาทส่วนกลาง (central nervoussystem)
  ระบบประสาทส่วนกลางประกอบด้วยสมอง (brain) และไขสันหลัง (spinal card)ซึ่งเป็นศูนย์กลางควบคุมและประสานการทำงานของร่างกายทั้งหมด
  สมองเป็นอวัยวะที่สำคัญและมีขนาดใหญ่กว่าส่วนอื่น ๆ ของระบบประสาทบรรจุอยู่ภายในกะโหลกศีรษะ สมองแบ่งออกเป็น 2 ชั้น คือชั้นนอกมีสีเทา เรียกว่า เกรย์แมตเตอร์ ซึ่งเป็นที่รวมของเซลล์ประสาทและแอกซอนชนิดที่ไม่มีเยื่อหุ้ม ส่วนชั้นในมีสีขาว เรียกว่า ไวท์ แมตเตอร์ ป็นส่วนของใยประสาทที่ออกจากเซลล์ประสาท สมองแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือสมองส่วนหน้า สมองส่วนกลาง และสมองส่วนท้าย
 ไขสันหลัง เป็นส่วนที่ต่อจากสมองลงไปตามแนวช่องกระดูกสันหลัง ไขสันหลังจะมีเยื่อหุ้ม 3 ชั้น และมีของเหลวบรรจุอยู่ในเยื่อหุ้มสมอง หากมีเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัสหลุดเข้าไปในเยื่อหุ้มไขสันหลังเชื่อโรคจะกระจายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการอักเสบของไขสันหลังอย่างรุนแรงได้ ไขสันหลังทำหน้าที่รับกระแสประสาทจากส่วนต่างๆ ของร่างกายส่งต่อไปยังสมอง และรับกระแสประสาทตอบสนองจากสมองเพื่อส่งไปยังอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย นอกจากนี้ยังควบคุมปฏิกิริยารีเฟลกซ์ (reflax actionหรือปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้าอย่างกะทันหันโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากสมอง
            2.ระบบประสาทส่วนปลาย(peripheralnervous system)
  ระบบประสาทส่วนปลาย ประกอบด้วยเส้นประสาทสมอง เส้นประสาทไขสันหลัง และประสาทระบบอัตโนมัติระบบประสาทส่วนปลายจะทำหน้าที่นำความรู้สึกจากส่วนต่าง ๆของร่างกายเข้าสู่ระบบประสาทส่วนกลางไปยังอวัยวะปฏิบัติงาน
1) เส้นประสาทสมอง มีอยู่ 12 คู่ทอดมาจากสมองผ่านรูต่าง ๆ ของกะโหลกศีรษะ


       2) เส้นประสาทไขสันหลัง มีอยู่ 31 คู่ออกจากไขสันหลังเป็นช่วง ๆ ผ่านรูระหว่างกระดูก
สันหลังไปสู่ร่างกายแขน และขา
                       3) ประสาทระบบอัตโนมัติ (autonomic nervoussystem
ประสาทระบบอัตโนมัติเป็นระบบ
ประสามที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะที่อยู่ภายนอกอำนาจของจิตใจโดยไม่รู้สึกตัว

             2.2 การทำงานของระบบประสาท 
ระบบประสาทเป็นระบบที่ทำงานประสานกันกับระบบกล้ามเนื้อ
ระบบประสาทยังรับกระแสประสาทจากอวัยวะภายในต่าง ๆและส่งคำสั่งกลับไปควบคุมการเต้นของหัวใจ ความดันเลือด อัตราการหายใจ
และระบบอื่น ๆ ให้ทำงานตามปกติการที่นักเรียนสามารถเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกันได้
                   

           2.3  การบำรุงรักษาระบบประสาท 
แนวทางการบำรุงรักษาประสาทมีดังนี้ 

     
1.  ระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนบริเวณศีรษะ

     
2.  ระมัดระวังป้องกันไม่ให้เกิดโรคทางสมองโดยใช้วิธีการต่าง ๆ

     
3.  หลีกเลี่ยงยาชนิดต่าง ๆ ที่มีผลต่อสมองรวมทั้งยาเสพติดและเครื่องดื่มที่มีแอลกฮอล์

     
4.  พยายามผ่อนคลายความเครียดหากปล่อยให้ความเครียดสะสมเป็นเวลานาน จะก่อให้เกิดผลเสียทั้งต่อร่างกายและจิตใจ
    

      5
.  รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายโดยเฉพาะอาหารที่ให้วิตามินบี 1 สูง 

 
              3 ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive System)
               ระบบสืบพันธุ์ เป็นระบบที่เกี่ยวกับการเพิ่มจำนวนของสิ่งมีชีวิตให้มากขึ้นตามธรรมชาติ และเป็นการทดแทนสิ่งมีชีวิตรุ่นเก่าที่ตายไป เพื่อให้ดำรงเผ่าพันธุ์ไว้ได้ ซึ่งการสืบพันธุ์ไว้ได้ ซึ่งการสืบพันธุ์ของมนุษย์เป็นการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ ต้องอาศัยอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศชายและเพศหญิง
 
           3.1 อวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย
อวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ดังนี้

ภาพแสดงอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศชาย

        3.2 อวัยวะสืบพันธ์เพศหญิง
     อวัยวะสืบพันธ์เพศหญิง ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ดังนี้


ภาพแสดงอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศหญิง


 3.3 การบำรุงรักษาระบบสืบพันธุ์
             1.ดูแลร่างกายให้แข็งแรงอย่าสม่ำเสมอโดยรับประทานอาหาร 5 หมู่
             2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
             3. งดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 
             4. พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เคร่งเครียด
             5. ทำความสะอาดร่างกายอย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอ อ
             6. สวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาด ไม่อับชื้นและอย่ารัดแน่น
             7. ไม่ใช้เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว และเครื่องนุ่มห่มร่วมกับผู้อื่น
             8. ไม่สำส่อนทางเพศ งดเว้นการเปลี่ยนคู่นอน อาจติดเชื้อเอดส์
             9. เมื่อเกิดสิ่งผิดปกติใดๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์

          4. ระบบต่อมไร้ท่อ
      ระบบต่อมไร้ท่อ เป็นระบบที่ผลิตสารที่เรียกว่า ฮอร์โมน เป็นต่อมที่ไม่มีท่อหรือรูเปิด จึงลำเลียงสารเหล่านั้นไปตามกระแสเลือดไปสู่อวัยวะเป้าหมาย เพื่อทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ฮอร์โมนจะทำงานโดยประสานกับระบบประสาท เราจึงเรียกระบบต่อมไร้ท่อและระบบประสาทนี้ว่า ระบบประสานงาน
     4.1   ต่อมไร้ท่อในร่างกาย

                        1. ต่อมใต้สมอง                   2. ต่อมหมวกไต     
                  3. ต่อมไทรอยด์                  4. ต่อมพาราไทรอยด์     
                  5. ต่อมที่อยู่ในตับอ่อน        6. รังไข่ในเพศหญิง,ชาย   
                  7. ต่อมไทมัส     

    4.2 การบำรุงรักษาระบบต่อมไร้ท่อ
         1. เลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบทั้ง 5 หมู่
          2. ดื่มน้ำในปริมาณทั้เพียงพอ  ประมาณ 6-8 แก้ว/วัน
          3. ออกกำลังกายอยู่สม่ำเสมอ
          4. ลดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
          5. หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อระบบต่อมไร้ท่อ
          6. พักผ่อนให้เพียงพอ มีความคิดสร้างสรรค์ คิดในเชิงบวก